8 เทคนิคผ่อนบ้านให้หมดไวในชาตินี้ ใครๆ ก็ทำได้ | The Shelter

8 เทคนิคผ่อนบ้านให้หมดไวในชาตินี้ ใครๆ ก็ทำได้

          สำหรับบทความนี้โครงการ เดอะ เชลเตอร์ บ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่ เพชรเกษม จะมาพูดถึงการกู้บ้านอย่างไรให้ผ่อนหมดได้ไว เราจะได้เป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่ เพชรเกษมได้ไวมากยิ่งขึ้น

          การกู้บ้าน คือ ภาระหนี้ก้อนใหญ่ที่ใช้เวลาผ่อนกันยาว 20-30 ปี เรียกว่าเป็นพันธะรายเดือนผูกพันกันยาวยิ่งกว่าคบแฟน สำหรับลูกหนี้การปลดหนี้เพื่อเป็นไทให้เร็วที่สุด คงเป็นอีกหนึ่งความฝันที่อยากให้เกิดขึ้น แม้ว่ามันจะยากถึงยากมาก แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถ้ารู้จักบริหารหนี้ให้เป็น
ก่อนอื่นต้องเข้าใจลักษณะ ‘การผ่อนบ้าน’ ก่อนว่าเป็นการผ่อนแบบ ‘ลดต้นลดดอก’ หมายความว่า ยิ่งจ่ายเงินผ่อนไปตัดเงินต้นให้น้อยลงเท่าไร ดอกเบี้ยก็ยิ่งน้อยลงตามสัดส่วนเงินต้นที่หายไป นั่นหมายความว่าถ้าคุณหาวิธีลดเงินต้นได้มากเท่าไร คุณก็จะผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้น แต่การผ่อนชำระหนี้กู้บ้านจะไปหนักเสียดอกเบี้ยซะเยอะ ซึ่งตรงนี้ผู้กู้หรือลูกหนี้สามารถเช็คได้ว่าแต่ละเดือนที่ผ่อนชำระไปตัดเงินต้นไปเท่าไร เป็นดอกเบี้ยเท่าไร บนสลิปใบเสร็จรับเงินที่คุณจะได้รับทุกครั้งเมื่อชำระงวด
ดังนั้นบรรดาลูกหนี้กู้บ้านมืออาชีพส่วนใหญ่ จึงมักจะมองหาหนทางลดดอกเบี้ยกู้บ้านอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance Home) โดยเปรียบเทียบแพ็คเกจดอกเบี้ยต่ำ หรือสารพัดเทคนิคเท่าที่จะสรรหามาได้  เรารวมเคล็ดลับ 8 เทคนิคผ่อนบ้านเหล่านี้มาให้แล้ว รับรองว่านอกจากจะช่วยให้ปลดหนี้ได้เร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยลดดอกเบี้ยกู้บ้าน ให้การผ่อนจ่ายสบายขึ้นอีกด้วย

          1.ผ่อนเกินค่างวดทุกงวด หรือบ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้
จำไว้ว่าค่างวดแต่ละเดือนที่คุณผ่อนเงินกู้บ้านกับธนาคาร คือ เงินต้น+ดอกเบี้ย (ซึ่งจะจมไปกับดอกเบี้ยเสียส่วนใหญ่) ซึ่งธนาคารจะแจ้งมาตั้งแต่แรกตอนทำสัญญากู้บ้านแล้วว่า การผ่อนชำระคิดเป็นเงินเท่าไรต่อเดือน ดังนั้นถ้าคุณจ่ายค่างวดเกินกว่าที่ธนาคารกำหนด เงินที่เกินมาจะไปตัดเงินต้นเดิม นั่นจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ก็จะช่วยให้คุณผ่อนบ้านได้หมดเร็วขึ้น สมมุติค่างวดต่อเดือน 10,000 บาท คุณอาจจะผ่อนต่อเดือนเป็น 15,000-20,000 บาท ก็จะทำให้ย่นระยะเวลาการเป็นหนี้ได้ถึงเท่าตัว

          2.มีความสม่ำเสมอในการผ่อน อย่าดึงหนี้นาน
พึงระลึกไว้เสมอ ยิ่งผ่อนระยะเวลานานเท่าไร ยิ่งจ่ายแพง เพราะยิ่งเราเป็นหนี้ธนาคารนานเท่าไร สิ่งที่เราจ่ายไปส่วนใหญ่จะเป็นดอกเบี้ย ดังนั้นถ้าวันหนึ่งเรามีเงินก้อนก็ควรมาจ่ายค่าบ้าน เพราะมันจะช่วยให้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยบานตะเกียง โดยไม่จำเป็น

           3. มีเงินก้อนต้องโปะบ้าน
อย่างที่บอกว่าถ้ามีเงินก้อนควรมาจ่ายค่าบ้าน เพราะมันจะช่วยตัดเงินต้น ทำให้ช่วยลดดอกเบี้ยในแต่ละงวด สำหรับมนุษย์เงินเดือนควรฉวยโอกาสช่วงโบนัสออก แบ่งเงินมาตัดค่าบ้าน หรือถ้าเป็นฟรีแลนซ์หรือผู้ประกอบการก็อาจตัดจากเงินโปรเจคต์ ซึ่งถ้าจะให้ดีโปะค่าบ้านตอนอัตราดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้คุ้มค่ามากขึ้น
         
          4.รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance Home) ช่วยได้
รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ วิธีการย้ายหนี้เดิมจากธนาคารเก่า ไปธนาคารใหม่ ซึ่งธนาคารใหม่จะเสนอดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารเดิมที่คุณจากมา ช่วยให้หมดหนี้ได้เร็วขึ้น นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดภาระการผ่อนบ้านให้คุณได้มาก เหมาะสำหรับลูกหนี้กู้บ้านที่ผ่อนบ้านกับธนาคารเดิมมานานเกิน 3 ปี เพราะเงื่อนไขสัญญาการกู้สินเชื่อบ้าน ธนาคารส่วนใหญ่จะกำหนดให้ไถ่ถอนได้หลังผ่อนไปแล้ว 3 ปี
(บางแห่งอาจจะ 5 ปี) ซึ่งลูกหนี้กู้บ้านควรเปรียบเทียบรายละเอียดและแพ็คเกจการรีไฟแนนซ์ (Refinance) เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ตอบโจทย์คุณมากที่สุด

          5.เลือกรีไฟแนนซ์ (Refinance) บ้านกับข้อเสนอดอกเบี้ยต่ำ
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว การเลือกรีไฟแนนซ์ (Refinance) ก็ไม่ต่างไปจากการเลือกโปรโมชั่นมือถือที่มีแพ็คเกจให้เลือกมากมาย แต่หากจะให้ตอบโจทย์ ‘ปลดหนี้ให้เร็ว’ พ้นสภาพการเป็นลูกหนี้ ควรเลือกออฟชั่นที่มีข้อเสนอ ‘ดอกเบี้ยต่ำ’ เพราะดอกเบี้ยคือเงินที่คุณ (ลูกหนี้) ต้องจ่าย นอกเหนือจากเงินต้น ยิ่งเสียดอกเบี้ยน้อยเท่าไร จำนวนเงินที่จะตัดเงินต้นก็มีมากขึ้น ก็จะหมดหนี้คงค้างเร็วขึ้น ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นรีไฟแนนซ์ธนาคารไหนดี สินเชื่อบ้านยูโอบีรีไฟแนนซ์ พร้อมให้คำปรึกษาและบริการ

          6.รวมหนี้ในชีวิตเป็นก้อนเดียว โดยการรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance Home)
 ข้อนี้ฟังแล้วอาจงง แต่ให้ลองนึกดูว่า ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีภาระหนี้อื่นๆ นอกจากหนี้กู้บ้าน เช่น บางคนอาจมีหนี้บัตรเครดิตที่พอกมาสักพัก หนี้นอกระบบ หนี้จากสินเชื่อธุรกิจ หนี้รถยนต์ ซึ่งหนี้ที่กล่าวมาส่วนใหญ่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยบ้านอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเรารวมหนี้ทั้งหมดมาเป็นหนี้กู้บ้านก็จะทำให้การผ่อนชำระเป็นการผ่อนครั้งเดียวต่อเดือน (ไม่ต้องไปวิ่งจ่ายยิบย่อย) บนอัตราดอกเบี้ยที่ดีเพียงเรตเดียว
แล้วจะรวมหนี้อย่างไรละ?
 ฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ผ่อนบ้านมาเกิน 3 ปี คุณมีคุณสมบัติที่จะรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance Home) ได้ ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านจะสามารถขอวงเงินกู้เพิ่มได้ โดยเงินก้อนนี้มาจากส่วนต่างของราคาบ้านลบยอดหนี้คงเหลือ (มันก็คือเงินที่คุณผ่อนไปแล้วนั่นละ) คุณก็สามารถนำเงินก้อนนี้ไปชำระหนี้อื่นๆ ที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยบ้าน เพียงเท่านี้คุณก็จะเหลือหนี้เพียงก้อนเดียว คือ บ้าน
 วิธีนี้เป็นเทคนิคการลดรายจ่ายจากหนี้ก้อนอื่นๆ โดยใช้หลักการลดดอกเบี้ย เพราะสำหรับลูกหนี้ เงินต้นเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยน ยังไงเราต้องชำระเป็นเรื่องจริงแท้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนได้ตลอดเวลา คือ ‘ดอกเบี้ย’

7.หมั่นช้อปเรต
           ตามปกติแล้วสินเชื่อต่างๆ มีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยและแพ็คเกจอยู่ตลอดเวลา (คล้ายกับโปรโมชั่นมือถือนั่นละ) แปรผันตามสภาพเศรษฐกิจและระเบียบจากภาครัฐ ฉะนั้นหมั่นเช็คแพ็คเกจเหล่านี้ไว้เป็นระยะ (เหมือนช้อปปิ้งเสื้อผ้า) อย่างน้อยคุณจะได้ไม่พลาดข้อเสนอดีๆ ในการผ่อนบ้านหรือรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance Home) เช็คไม่ต้องบ่อย สัก 2 ปีครั้งก็พอ

8.เช็คสิทธิพิเศษต่างๆ ของบริษัท หรือจากหน้าที่การงานที่คุณทำ
           อย่าลืมเช็คสิทธิประโยชน์จากบริษัทที่คุณทำงานอยู่ว่ามีข้อเสนอพิเศษกับธนาคารไหนหรือเปล่า เพราะบางทีอาจจะมีแพ็คเกจพนักงาน หรือถ้าคุณมีอาชีพแพทย์ พยาบาล ข้าราชการ กลุ่มอาชีพเหล่านี้มักจะมีดีลพิเศษกับธนาคารอยู่แล้ว ที่จะได้อัตราดอกเบี้ยหรือโปรพิเศษ

          แม้ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อย่าลืมว่านี่คือภาระหนี้ขนาดใหญ่ บางทีหากได้เจอโปรโดนๆ อาจทำให้ลดระยะเวลาผ่อนบ้านได้เป็นปี หรือประหยัดเงินได้เป็นแสน ประหนึ่ง ‘ถูกหวย’ เลยทีเดียวเดอะเชลเตอร์ (The Shelter) ขอนำเสนอบ้านเดี่ยว/ โฮมออฟฟิศ ทำเลทอง ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยสูงสุดในย่านเพชรเกษม-พุทธมณฑลสาย 5  เริ่ม 10-20 ล้าน เหมาะสำหรับนักธุรกิจและการพักอาศัย ใกล้ย่านธุรกิจชั่นนำมากมาย หากสนใจสามารถเยี่ยมชมโครงการทุกวัน

#โครงการเชลเตอร์
#บ้านเดี่ยวและโฮมออฟฟิศ
#ติดถนนใหญ่เพชรเกษม
#ทำเลดีที่สุดในย่านนี้